การทำงานของคลัตช์
![]()
แผ่นคลัตช์อยู่ระหว่างล้อช่วยแรงกับแผ่นกดคลัตช์ ถูกกดให้ติดแน่นกับ
ล้อช่วยแรงด้วยแผ่นกดคลัตช์และฝาครอบคลัตช์ซึ่งยึดแน่นกับล้อช่วยแรง
หมุนไปพร้อมกับการหมุนของเพลาข้อเหวี่ยง ดังนั้นเมื่อแผ่นคลัตช์ถูก
แผ่นกดคลัตช์อัดแน่นกับล้อช่วยแรง แผ่นคลัตช์จึงหมุนไปพร้อมกับ
เพลาข้อเหวี่ยง และทำให้เพลาคลัตช์ซึ่งสวมอยู่กับแผ่นคลัตช์หมุนตาม
ไปด้วยด้วยเหตุนี้การส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังเกียร์จึงเกิดขึ้นได้
โดยอาศัยความฝืดของแผ่นคลัตช์กับล้อช่วยแรงและแผ่นกดคลัตช์
เมื่อเหยียบคลัตช์ โดยขาคลัตช์ถูกกดลง เป็นการตัดการส่งกำลัง
ลูกปืนคลัตช์เลื่อน เข้าหาขาคลัตช์แล้วกดลง ทำให้ปลายด้านนอก
ขาคลัตช์กระดกขึ้น ยกแผ่นกดคลัตช์ให้ถอยออกจากแผ่นคลัตช์
โดยการชนะแรงกดของสปริงกดคลัตช์ ทำให้แผ่นคลัตช์เป็นอิสระ
จึงเป็นการตัดการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังเกียร์ (ชี้ที่ลูกศร)
อุปกรณ์ที่บังคับให้คลัตช์ทำงาน เพื่อให้คลัตช์จากออกจากหน้าแปลน
ของล้อช่วยแรง เป็นการตัดการทำงานของคลัตช์เพื่อให้เข้าเกียร์
ได้สะดวกขึ้น วิธีการควบคุมการทางานของคลัตช์แบ่งได้ดังนี้
เป็นการควบคุมการทำงานของคลัตช์โดยใช้ก้านต่อที่ประกอบด้วย
แป้นเหยียบคลัตช์ ก้านต่อและเพลาขวาง เมื่อเหยียบแป้นเหยียบคลัตช์
ก้านต่อจะดันคานบนไปด้านซ้ายมือ ทำให้เพลาขวางหมุนดันให้คานล่าง
เคลื่อนไปด้านขวามือดันให้ก้านต่อไปดันก้ามปูคลัตช์ กลไกควบคุมแบบนี้
ส่วนมากจะถูกใช้กับพวกรถแทรคเตอร์
2 แบบสาย (Sling)
จากรูปข้างบนเป็นการควบคุมการทำงานของคลัตช์โดยใช้อุปกรณ์
สายคลัตช์เป็นตัวควบคุมการทำงานของคลัตช์ การควบคุมแบบนีี้
ส่วนมากจะใช้กับพวกรถยนต์นั่งขนาดเล็ก
3. แบบไฮดรอลิก (Hydraulic)
จากรูปเป็นการควบคุมการทำงานของคลัตช์โดยใช้ระบบไฮดรอลิกซึ่งเมื่อ
เหยียบแป้นเหยียบคลัตช์แม่ปั๊มคลัตช์จะเพิ่มความดันน้ำมันไฮดรอลิกส่ง
ผ่านท่อน้ำมัน ถ่ายทอดความดันไปยังก้ามปูคลัตช์ ท่อน้ามันไฮดรอลิก
ของคลัตช์ทำด้วยท่อโลหะกันสนิม หรือท่ออ่อน (เลือกที่แม่ปั๊มและลูกปั๊ม
เพื่อศึกษาการทำงาน)