วงจรนิวแมติกแบบแยกสัญญาณควบคุม
จากการออกแบบวงจรนิวแมติกแบบอัตโนมัติหรือกึ่งอัตโนมัติ มักจะพบ
ปัญหาลมสู้กัน (Fighting signal) คือที่เมนวาล์วจะมีสัญญาณลมอยู่ก่อนแล้ว
ข้างหนึ่ง ทำให้สัญญาณใหม่ที่เข้ามาไม่สามารถสั่งงานให้เมนวาล์ว
ทำงานได้การแก้ปัญหาของลมสู้กันนี้สามารถทำได้โดยใช้วงจรควบคุม
การทำงานของอุปกรณ์ทำงานด้วยวงจรแบบแยกสัญญาณควบคุม
วงจรแยกสัญญาณควบคุมแบบคาสเคด (Cascade)
1. พิจารณาลำดับการเคลื่อนที่ของก้านสูบ
2. พิจารณาแยกกลุ่มลมควบคุมออกเป็นกลุ่มๆ โดยมีเงื่อนไขดังนี้
2.1 ตัวอักษรที่กำกับกระบอกสูบตัวใดตัวหนึ่งจะปรากฎ
เพียงครั้งเดียวในแต่ละกลุ่ม
2.2 การแบ่งกลุ่มลมจะต้องให้มีกลุ่มลมน้อยที่สุดโดยในครั้งแรก
แบ่งจากด้านหน้า เสร็จแล้วลองแบ่งจากด้านหลัง
ส่วนสุดท้ายของวงจรสามารถนำมาต่อกับส่วนแรกแต่การรวมนี้
ี้
ก็ยังต้องอาศัยกฎเกณฑ์ในข้อ 2.1
ตัวอย่างการแบ่งกลุ่มลมจากด้านหน้า
ตัวอย่างการแบ่งกลุ่มลมจากด้านหลัง
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า การแบ่งกลุ่มลมจากด้านหลังมา
จะมีกลุ่มลมน้อยกว่าแบบแรกอยู่ 1 กลุ่มลมตัวเลข
กำกับกลุ่มลม จะเขียนเลขโรมันลงในกลุ่มลม
แต่ละกลุ่ม เพื่อสะดวกแก่การอ้างถึง และความเรียบร้อย
3. พิจารณาจำนวนวาล์วเลือกกลุ่มลม
จำนวนวาล์วเลือกกลุ่มลม = จำนวนกลุ่มลม - 1
เช่นมีกลุ่มลมอยู่ 4 กลุ่ม จะมีวาล์วเลือกกลุ่มลมอยู่ 3 ตัวเป็นต้น
ขณะเครื่องจักรทำงานอยู่ ลมจะมีอยู่เพียงกลุ่มลมใดกลุ่มลมหนึ่งเท่านั้น
เมื่อเครื่องจักรหยุดการทำงานลมสัญญาณควบคุมควรจะมาค้าง
อยู่กลุ่มลมสุดท้ายหรือกลุ่มแรกของการทำงานการเปลี่ยนกลุ่มลม
จะต้องเอาสัญญาณลมมาจากกลุ่มลมที่อยู่ก่อนหน้า เช่น
จะเปลี่ยนจากกลุ่มลมที่ 4 ไปเป็นกลุ่มลมที่ 1 จะต้องเอาสัญญาณ
กลุ่มลมที่ 4 มาเลื่อนวาล์วเปลี่ยนกลุ่มลมตัวที่ 1 สัญญาณที่นำ
มาเปลี่ยนนี้ให้เป็นสัญญาณ S 1 มากระทำด้านขวามือของวาล์ว
เปลี่ยนกลุ่มลมตัวที่ 3
สัญญาณลมที่มาจากกลุ่มลมที่ 1 คือสัญญาณ S 2 ไปเลื่อนวาล์วเปลี่ยนกลุ่มลม
ตัวที่ 1 และการเปลี่ยนไปกลุ่มอื่นๆ ก็กระทำเหมือนกัน
ข้อจำกัด วงจรระบบคาสเคดไม่เหมาะสมกับวงจรสองประเภทคือ
วงจรที่ก้านสูบ วิ่งไปแล้วกลับทันที เช่น A+, A-, A+, A-, B+, B-
และวงจรวิ่งเป็นลำดับต่อเนื่องกันเช่น A+, B+, C+, A-, B-, C-
นอกจากนั้นหากวาล์วส่งสัญญาณถูกกดตลอดเวลาจากแหล่งสัญญาณ
ภายนอกซึ่งไม่ขึ้นอยู่กับวงจรควบคุม อาจทำให้วงจรรวนได้ และในการ
ออกวงจรคาสเคดไม่ควรให้มีกลุ่มลมมากกว่า 4กลุ่มลม เพราะจะเป็นวงจร
ที่ยุ่งยากและลำบากแก่การเข้าใจ ข้อเสีย การใช้วงจรแยกสัญญาณ
ควบคุมแบบนี้จะต้องใช้จำนวนวาล์วเพิ่มขึ้นในวงจร ทำให้ลมต้องผ่าน
วาล์วหลายตัว ซึ่งจะทำให้ความดันตกคร่อมในวาล์วมากกว่าวงจรอื่นๆ
และถ้าหากวาล์วตัวใดตัวหนึ่งขัดข้องขึ้น จะทำให้ระบบทำงานผิดพลาด
หรือหยุดการทำงานเลย ซึ่งมีปัญหาในการตรวจสอบและยุ่งยาก
กว่าวงจรอื่นๆ
วิธีทำ
ขั้นตอนที่ 1 กำหนดลำดับการเคลื่อนที่ แล้วเขียนไดอะแกรมการเคลื่อนที่
ขั้นตอนที่ 2 แบ่งกลุ่มลมจากไดอะแกรมการเคลื่อนที่
ขั้นตอนที 3 ออกแบบวงจร
วิธีทำ
ขั้นตอนที่ 1 กำหนดลำดับการเคลื่อนที่ แล้วเขียนไดอะแกรมการเคลื่อนที่
ขั้นตอนที่ 2 แบ่งกลุ่มลมจากไดอะแกรมการเคลื่อนที่
ขั้นตอนที 3 ออกแบบวงจร
จากข้อจำกัดและข้อเสียของวงจรแยกสัญญาณ ควบคุมชนิดคาสเคด
จึงแก้ไขด้วยการพัฒนาให้วงจรควบคุมทำงานได้ประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
โดยใช้ วงจรแยกสัญญาณควบคุมแบบชิฟต์รีจิสเตอร์ สัญญาณที่ส่งออก
ไปควบคุมการทำงานของวาล์ว ต่างๆจะรวดเร็วและแน่นอนกว่า เพราะ
สัญญาณลม จะผ่านวาล์วเพียงชุดเดียว ไม่เหมือนกับคาสเคดที่ผ่านมา
วาล์วชุดชิฟท์รีจิสเตอร์
หลักการพื้นฐานก็เช่นเดียวกับวงจรแยกสัญญาณ ควบคุมชนิดคาสเคด
แตกต่างกันตรงที่วาล์วเปลี่ยนกลุ่มลมไม่ได้เป็นแบบ 5/2 แต่จะเป็นวาล์ว
ชุดชิฟต์รีจิสเตอร์ซึ่งประกอบด้วยวาล์วความดันสองทางและวาล์ว 3/2
ทำงานด้วยลมดันทั้งสองข้างรวมอยู่ในชุดเดียวกัน การทำงานของ
ชุดนี้เมื่อมีสัญญาณ 1 มารออยู่วาล์ว 3/2 ก็ยังอยู่ตำแหน่ง ปกติปิดอยู่
แต่ถ้ามีสัญญาณ 2 เข้ามาจึงจะมีสัญญาณ 12 ออกไปสั่งให้วาล์ว 3/2
เลื่อนไปทำให้ รูลม 1 ต่อกับรูลม 2 มีสัญญาณไปยังกลุ่มลมต่างๆ
-ขณะที่เครื่องจักรกำลังทำงานอยู่ ในวงจรควบคุม จะมีลมอยู่เพียง
กลุ่มลมเดียวเท่านั้น
-เมื่อเครื่องจักรหยุดการทำงานสัญญาณลมควบคุมจะค้างอยู่
กลุ่มสุดท้าย
-การเปลี่ยนกลุ่มลมจะต้องเอาสัญญาณลมมาจากกลุ่มลมก่อนหน้า
มากระทำที่วาล์วความดันสองทางข้างหมายเลข 1 และสัญญาณลม
จากลมหลักโดยผ่านวาล์วสั่งเปลี่ยนกลุ่มลมมากระทำที่วาล์วความดัน
สองทางข้างหมายเลข 2 ลมจะผ่านไปดันให้วาล์ว 3/2 เลื่อน และสั่ง
เปลี่ยนให้ กลุ่มลมถัดไปและนำเอาสัญญาณลมที่เกิดขึ้นใหม่
ไปรีเซตให้ชิฟต์รีจิสเตอร์ตัวก่อนหน้าอยู่ตำแหน่งปกติปิดไม่สามารถ
จ่ายลมออกไปได้
วงจรระบบชิฟต์รีจิสเตอร์มีข้อจำกัดอยู่ว่าในการออกแบบจะต้องใช้
ชุดชิฟต์อย่างน้อย 3 ตัวขึ้นไปจะใช้ 2 ตัวไม่ได้เพราะจะทำให้วงจร
มีปัญหาทำงานไม่ได้ เพราะในขณะเปลี่ยนกลุ่มลมอยู่นั้นในช่วงแรกจะมี
สัญญาณของกลุ่มลมคร่อมกันอยู่ทำให้ชิฟต์รีจิสเตอร์ ไม่สามารถทำงาน
ได้เพราะมีลมสู้กันที่วาล์ว 3/2 ที่ เป็นตัวส่งสัญญาณจากลมหลักไป
ยังกลุ่มลม
ต้องการเครื่องจักรสำหรับอัดชิ้นงานลงไปในแบบและใส่สลักลงไปล็อค
ชิ้นงานเอาไว้จงออกแบบครื่องจักรนี้ให้ควบคุมการทำงานด้วย
ระบบนิวแมติกชนิดแยกสัญญาณควบคุมแบบชิฟต์รีจิสเตอร์
วิธีทำ
(1) สเก็ตรูปภาพเครื่องจักร
(2) กำหนดลำดับการเคลื่อนที่
3) เลือกสัญญาณควบคุม
4) เขียนวงจรนิวแมติก
การออกแบบวงจรที่ก้านสูบวิ่งเข้าออกซ้ำติดๆ กัน จะต้องใช้วงจร
ควบคุมแบบชิฟต์รีจิสเตอร์และการทำงานจะเห็นว่าก้านสูบ A ที่วิ่งออกมา
ครั้งแรกกับครั้งที่สองมีความเร็วไม่เท่ากันครั้งแรกจะมีการเคลื่อนที่ออกมา
ช้าส่วนครั้งที่สองจะมีการเคลื่อนที่เร็วกว่า ดังนั้นการเคลื่อนที่ครั้งแรก
จึงต้องมีการควบคุมลมออกด้วยวาล์ว 1.01 แต่เมื่อเคลื่อนที่ออกครั้งที่
สองลมที่ระบายออกจากกระบอกสูบจะไม่มีการควบคุมปริมาณลมแต่จะ
ผ่านวาล์ว 1.02 ระบายทิ้งไปเลยทำให้ก้านสูบของกระบอกสูบ A
เคลื่อนที่ออกได้เร็วกว่าปกติ